Table of Contents
1.Stem cell คืออะไร ?
สเต็มเซลล์ (Stem Cell) หรือ เซลล์ต้นกำเนิด คือ เซลล์ตัวอ่อนที่ยังไม่มีหน้าที่ของเซลล์ซึ่งสามารถแบ่งตัวได้อย่างไม่มีขีดจำกัดและเปลี่ยนแปลงเพื่อไปเซลล์อื่นๆที่ทำหน้าที่เฉพาะเจาะจงได้ เช่น เปลี่ยนกลายเป็นเซลล์เนื้อเยื่อชนิดต่างๆ เซลล์ประสาท เซลล์เม็ดเลือด
Stem cell แบ่งออกเป็น 3 ประเภทตามความสามารถในการพัฒนา คือ
- Totipotent cell คือ เซลล์ที่พัฒนาไปเป็นเซลล์อื่นๆได้ทุกเซลล์ ได้แก่ เซลล์ไข่ที่มีการปฏิสนธิแล้ว (single cell embryo)
- Pleuripotent cell คือ เซลล์ที่พัฒนาไปเป็นเซลล์อื่นได้หลายแบบ เช่น embryonic stem cell
- Multipotent/Unipotent cell คือ เซลล์ที่พัฒนาไปเป็นเซลล์จำเพาะชนิดใดชนิดหนึ่งได้เท่านั้น เช่น เซลล์จากเลือดสายสะดือ (cord blood stem cell) เซลล์ต้นกำเนิดเม็ดเลือด (hematopoietic stem cell)
2.Stem cell มาจากไหน ได้มาจากอะไร ?
โดยปกติแล้วในร่างกายของเราไม่ว่าเด็กหรือผู้ใหญ่จะมี stem cell อยู่แล้ว เพราะในเวลาที่เราบาดเจ็บหรือเจ็บป่วย เซลล์ของเราก็จะต้องเกิดการบาดเจ็บหรือตายไปด้วย ซึ่งstem cell ก็จะทำหน้าที่ซ่อมแซมบาดแผลและสร้างแซลล์ใหม่เพื่อมาทดแทนแซลล์เก่าที่ตายไป เพราะฉนั้น stem cell จึงทำหน้าที่ช่วยป้องกันไม่ให้เราแก่ก่อนอายุ
สำหรับ stem cell ที่มีการนำมาใช้ทางการแพทย์นั้น มีการนำมาจากหลายรูปแบบ ทั้งแบบใช้เซลล์ของเราเอง (autologous) ใช้เซลล์ของคนอื่น (allogeneic) หรือใช้เซลล์ของสัตว์ (xenotherapy) เช่น embryonic stem cell ได้มาจากตัวอ่อนที่ปฏิสนธิแล้ว, bone marrow stem cell ได้มาจากไขกระดูก ซึ่งปัจจุบันได้มีการนำ stem cell มาใช้ในการรักษาโรคหลายอย่าง เช่น โรคมะเร็งเม็ดเลือดขาว รักษาอาการการบาดเจ็บของอวัยวะ โรคข้อเข่าเสื่อม โรคเบาหวาน เป็นต้น
ในด้านความงามนั้น ก็มีการศึกษาวิจัยและนำ Stem cell มาใช้อย่างมากเช่นกัน โดยที่นิยมนำมาใช้ในปัจจุบันได้แก่ เซลล์ต้นกำเนิดของเซลล์ร่างกาย หรือ mesenchymal stem cells (MSCs) ซึ่งสามารถเก็บได้จาก ไขกระดูก รก หรือไขมัน
3. MSCs ช่วยเรื่องอะไร ?
MSCs ซึ่งเป็นเซลล์ต้นกำเนิดของเซลล์ร่างกาย มีความสามารถในการเปลี่ยนไปเป็นเซลล์อื่นๆได้หลายชนิด เช่น เซลล์เนื้อเยื่อ เซลล์ไขมัน เซลล์กล้ามเนื้อ จึงเหมาะกับการนำมาใช้ฉีดบริเวณใบหน้าเพื่อช่วยในการซ่อมแซมและฟื้นฟูสภาพของผิวหน้า ย้อนอายุผิวให้กลับมาดีเหมือนเดิม
หรือสามารถฉีดเข้ากล้ามเนื้อหรือหลอดเลือดเพื่อฟื้นฟูสุขภาพทั้งร่างกาย ต้านการอักเสบต่างๆที่เป็นสาเหตุของการเกิดโรค และปรับสมดุลย์ภูมิต้านทานของร่างกาย
4. ใช้ Stem cell คนอื่นมาฉีดจะเป็นอะไรหรือไม่ ?
MSCs ที่นำมาใช้จะต้องเป็นเซลล์ที่มีการเพาะเลี้ยงในห้องทดลองที่ได้มาตรฐาน ผ่านการตรวจโรคและฆ่าเชื้อเป็นอย่างดี สำหรับ MSCs มีข้อดีคือสามารถฉีดข้ามคนได้ (allogeneic) โดยไม่เกิดการปฏิเสธเนื้อเยื่อในครั้งแรก เนื่องจากเป็นเซลล์ที่ยังไม่มีการแสดงออกจึงไม่กระตุ้นระบบภูมิต้านทานที่จะทำให้เกิดการต่อต้าน MSCs ยังมีคุณสมบัติในการยับยั้งเซลล์ที่ผิดปกติหรือจะกลายพันธุ์ได้อีกด้วย
5.การฉีด MSCs เป็นอย่างไร จะเริ่มเห็นผลในกี่วัน และผลจะอยู่ได้นานเท่าไหร่
MSCs ที่นำมาใช้ฉีดบริเวณใบหน้านั้น จะแนะนำให้ฉีดเริ่มต้นที่ 1-5 ล้านเซลล์ทั่วบริเวณใบหน้า และ 20 ล้านเซลล์ทั่วร่างกาย ระยะเวลาที่เริ่มเห็นผลการรักษาจะอยู่ที่ประมาน 1-4 สัปดาห์ขึ้นกับคนไข้แต่ละคน และผลการรักษาจะขึ้นกับจำนวนเซลล์ที่ฉีด คุณภาพของเซลล์ที่นำมาฉีด และการปฏิบัติตัวของคนไข้เอง แต่โดยทั่วไปจะอยู่นานได้ตั้งแต่ 3-12 เดือน