คำตอบคือการฉีดฟิลเลอร์หรือการฉีดไขมันตนเองเพื่อเติมเต็มในบางบริเวณ มีความเสี่ยงต่อการอุดตันเส้นเลือด ที่บริเวณตา และจมูก ส่งผลให้เกิดเนื้อตายและตาบอดได้ค่ะ บริเวณที่มีความเสี่ยงสูงสุดคือ ฟิลเลอร์จมูก และร่องแก้ม มีโอกาสทำให้เกิด เส้นเลือดแดงอุดตันในตา หรือศัพท์ทางการแพทย์เรียกว่า Central Retinal Artery Occlusion (CRAO)
ฟิลเลอร์ที่เข้าเส้นเลือดดำแล้วเกิดการ “ท้นกลับ” หรือเรียกว่าไหลย้อนกลับไปที่เส้นเลือดแดง ถ้าหากเข้าเส้นเลือดแดงที่ไม่สำคัญก็ไม่เป็นไร แต่ถ้าไปเข้าเส้นเลือดแดงที่ไปเลี้ยงลูกตาก็จะทำให้ตาบอดได้อย่างรวดเร็ว เพราะตัวสารนั้นมันจะไปอุดที่ Central retinal artery หรือ ถ้าอุดเส้นใหญ่กว่าหรือเส้นหลักก็คือ Ophthalmic artery นั้น ลูกตาก็จะฝ่อลงภายในไม่กี่วัน เพราะขาดเลือดไปเลี้ยงทั้งลูกตา
แล้วความเสี่ยงนี้ป้องกันได้อย่างไรได้บ้าง
อย่าเห็นแก่ของถูก เพราะมีความเสี่ยงมากที่หมอเถื่อนจะเป็นคนฉีดให้ แพทย์ที่มีความเชี่ยวชาญจะมีความระมัดระวัง จะทราบในส่วนของเส้นเลือด เส้นที่จะต้องระวัง ว่าอยู่ตรงไหน ความลึกประมาณไหน
ฟิลเลอร์ราคาถูก โดยเฉพาะ ชนิดpermanent ที่จะอยู่กับเราตลอดชีวิต เช่น พวกซิลิโคนเหลว [ซึ่งหมอเถื่อนมักจะบอกว่า collagen เหลว อย่าหลงเชื่อ และควรตรวจสอบก่อนนะคะ] และ semi-permanent เช่น aqua gel ต่างๆ ไม่ควรฉีด เพราะถ้าเกิดเหตุการณ์ฟิลเลอร์อุดตันเส้นเลือด พวก aqua gel พวกนี้ ไม่มียาสลายฟิลเล่อร์ ไม่สามารถแก้ไขอะไรได้เลยนะคะ
บริเวณจมูก ถ้าไม่ค่อยมีสันอยู่แล้ว หมอแนะนำให้เสริมจมูกด้วยซิลิโคนแท่งเลยค่ะ เพราะการที่ฉีดฟิลเลอร์จมูกปริมาณมากๆภายในครั้งเดียวก็ยิ่งมีความเสี่ยงมากขึ้นค่ะ
ทุกคนอยากสวย หมอเองเป็นหนึ่งในนั้นค่ะ แต่ความอยากสวยควรควบคู่กับการตรวจสอบข้อมูล เรียกได้ว่าสวยอย่างมีสติค่ะ มีคนตั้งคำถามว่าหมอก็ฉีดฟิลเลอร์ มาเขียนเรื่องฉีดฟิลเล่อร์ แล้วตาบอด มันจะดีหรือ หมอถือว่าการให้ข้อมูลคนไข้ทั้งในด้านบวก และด้านลบ เป็นสิ่งที่แพทย์ควรปฏิบัติด้วยความจริงใจค่ะ
Dr. Sarintip Soontharuch MD. Mahidol
Diploma in dermatology Cardiff Wales UK
Fellowship in dermatology Mt Sinai Miami US
American board anti-aging medicine