โดยทั่วไปแล้วรูปหน้าของแต่ละคนถูกสร้างสรรค์จากธรรมชาติมาแตกต่างกัน แต่ก็ใช่ว่าทุกคนจะมีใบหน้าที่สมดุลเหมือนกันทั้งหมด การฉีด ฟิลเลอร์ (Filler) จึงมีบทบาทในฐานะตัวช่วยเติมเต็มทั้งรูปหน้าและผิวพรรณให้มีความสมบูรณ์แบบมากขึ้น ช่วยทำให้เกิดความมั่นใจในการใช้ชีวิต ด้วยคุณสมบัติอันโดดเด่นนี้เองจึงทำให้มีคนสนใจที่จะเข้ารับการฉีด Filler เป็นจำนวนมากในปัจจุบัน ดังนั้น หากคุณเป็นอีกคนหนึ่งที่สนใจอยากเข้ารับการฉีดฟิลเลอร์ จำเป็นอย่างยิ่งที่คุณควรรู้เรื่องสำคัญเกี่ยวกับฟิลเลอร์ก่อนฉีด นั่นคือ การศึกษารายละเอียดของ Filler ให้เข้าใจมากที่สุด และวันนี้เราก็พร้อมแล้วค่ะที่จะพาคุณไปทำความรู้จักกับฟิลเลอร์กันให้มากขึ้น
Table of Contents
ฟิลเลอร์ คืออะไร? ทำความรู้จักให้ดีก่อนตัดสินใจทำ
Filler (ฟิลเลอร์) มาในรูปแบบของสารที่มีความเหลว เมื่อฉีดเข้าสู่ใต้ผิวหนังแล้วจะช่วยเติมเต็มส่วนต่าง ๆ ของเซลล์ผิวภายในจนสามารถที่จะปรับรูปหน้าให้มีความคมชัดมากขึ้น พร้อมการฉีดเข้าผิวชั้นตื้น เพื่อทำให้เกิดความเรียบเนียนและลดปัญหาเรื่องริ้วรอย ร่องลึก ผิวจึงเรียบเนียนและดูอ่อนเยาว์ลงอย่างรวดเร็ว โดยจะมาในรูปแบบของสารเหลวที่มีความคล้ายคลึงกับสารที่มีอยู่แล้วภายในตัวของมนุษย์ คือ Hyaluronic Acid จึงช่วยกระตุ้นคอลลาเจนชั้นผิวหนังแท้ให้ผลิตออกมาได้อย่างเพียงพอและสามารถสลายไปได้ตามระยะเวลาที่เหมาะสม
ร่างกายของมนุษย์สามารถที่จะย่อยเอนไซม์ Hyaluronidase ที่อยู่ใน Hyaluronic Acid ได้ตามปกติ เมื่อฉีดเข้าไปแล้วจึงต้องฉีดซ้ำตามระยะเวลาที่แพทย์กำหนดไว้ คุณจึงมั่นใจได้ว่าปลอดภัยแน่นอน ดังนั้นฟิลเลอร์ที่ใช้ในด้านความงามและถูกอนุญาตให้ใช้อย่างถูกต้องในวงการศัลยกรรม จะมีเพียงแค่ชนิดเดียวเท่านั้น คือ HA ฟิลเลอร์หรือที่เรียกในวงการว่า Hyaluronic Acid Filler เป็นเพียงแค่ชนิดเดียวที่ได้การรับรองจาก อย.ของประเทศไทย จึงสามารถนำมาใช้ได้อย่างถูกต้องตามกฎหมาย
ประเภทของฟิลเลอร์ มีอะไรบ้าง?
นอกจากข้อมูลเบื้องต้นเกี่ยวกับฟิลเลอร์ดังกล่าวแล้ว ยังมีการแยกประเภทของฟิลเลอร์ออกมาอีก 2 ประเภท ดังนี้คือ
1. Permanent Filler & Poly Acrylamide
Permanent Filler เป็นฟิลเลอร์ดั้งเดิมที่ได้รับความนิยมมาตั้งแต่อดีต สำหรับในปัจจุบันฟิลเลอร์ชนิดนี้ถูกตีให้เป็นสารอันตรายและก่อให้เกิดปัญหากับผู้ที่ศัลยกรรมในยุคก่อนมากที่สุด เพราะเมื่อฉีดเข้าไปแล้วจะส่งผลได้หลายรูปแบบ ไม่ว่าจะแข็งเป็นก้อนหรือไหลลงไปรวมกับจุดอื่น ๆ ของใบหน้าจนกลายเป็นห้อยย้อยผิดรูป แต่มีสิ่งหนึ่งที่เหมือนกันคือเมื่อฉีดเข้าไปแล้วจะยึดติดกับเซลล์ผิวจนกลายเป็นพังผืดและยากที่จะผ่าตัดออก ต้องขูดออกเท่านั้น เป็นชนิดของฟิลเลอร์ที่ไม่สลาย ดังนั้นจึงเป็นหนึ่งในสารที่มีอันตรายสูงมาก
Poly Acrylamide เป็นอีกหนึ่งรูปแบบของสารซิลิโคนเหลวที่ไม่ได้รับอนุญาตให้นำมาใช้ในวงการศัลยกรรม เพราะจะก่อให้เกิดปัญหากับใบหน้าสูงและอาจจะทำให้หน้าเสียรูปง่าย แต่ก็ถูกลักลอบนำมาใช้มากพอสมควรเพราะราคาถูกมาก
2. Non-Permanent
ในกลุ่มของ Non Permanent หรือที่เรียกว่า Hyaluronic Acid ตัวที่คือตัวที่นิยมฉีดกัน ถ้าถามว่าทำไมเราถึงใช้ตัวนี้ในการฉีดฟิลเลอร์ นั่นเป็นเพราะว่านี่คือฟิลเลอร์ตัวเดียวที่ผ่านการอนุมัติ อย. ของประเทศไทย เนื่องจากว่าฟิลเลอร์ชนิดนี้สามารถสลายได้ เป็นเพราะร่างกายของเรานั้นมี hyaluronic acid ในคอลลาเจนผิวหนังแท้ของเรา มันสามารถสลายได้เมื่อมีเวลาผ่านไปเพราะร่างกายมีเอนไซม์ที่ใช้ย่อยสลายฟิลเลอร์ตัวนี้ นั่นจึงเป็นสาเหตุว่าทำไมตัวนี้ถึงนิยม และผ่าน อย.
ฟิลเลอร์ เหมาะกับใครและช่วยเรื่องอะไรบ้าง?
1. ฟิลเลอร์ ช่วยในเรื่องใดได้บ้าง
ไม่ว่าจะเป็นการเติมตั้งแต่ หน้าผาก ขมับ จมูก แก้ม แก้มตอบ ร่องแก้ม ร่องมุมปาก ร่องน้ำตา ปาก คาง กรอบหน้า คอ มือ ติ่งหู
วีดีโอ ตอบข้อสงสัย ทำอย่างไรให้ดูอ่อนกว่าวัย
2. ช่วยยกกระชับใบหน้า
นอกเหนือจากการเติมเต็มแล้ว พวกเรามีแนวทางการฉีดฟิลเลอร์เพื่อการยกกระชับ โดยปกติเมื่ออายุเยอะขึ้นเรื่อยๆไม่ใช่แต่ผิวที่ฝ่อ แต่ชั้นไขมันลดน้อยลง ชั้น smas ก็เปลี่ยนไป ชั้นกระดูกก็ยังยุบลงอีก เลยทำให้เอ็นยึดผิว หรือ Retaining Ligament มีการหย่อนตัว จากทั้งโครงสร้างผิวที่เปลี่ยนไปรวมทั้งความเสื่อมของตัวมันเอง แล้วก็ชั้น SMAS ก็มีการเปลี่ยนเช่นเดียวกัน การที่ฉีดฟิลเลอร์ไปที่บางบริเวณ ก็เลยจะก่อให้เส้นเอ็นยึดผิว สามารถยึดได้ดีขึ้น เลยกระตุ้นแล้วส่งผลให้มีการเกิดการยกกระชับเพิ่มมากขึ้น การฉีดอย่างนี้ไม่จำเป็นที่จะต้องใช้ฟิลเลอร์จำนวนมากๆแต่ว่าก็จะสามารถช่วยให้ดูใบหน้าอ่อนวัยแล้วก็ยกกระชับขึ้นค่ะ ซึ่งที่เดอะโคลเวอร์คลินิค เทคนิคนี้เรียกว่า Ogee Lifting หรือ Volume Lift โดยไม่เหมือนกันเรื่องของรายละเอียดรวมทั้งบริเวณที่ฉีดค่ะ
จากรูปแสดง Ratian ligament ในผิวหนังชั้น smas เป็นเอ็นยึดผิวหน้า
3. ช่วยเรื่อง Skin Quality
หน้าสวยผิวจำเป็นต้องปังด้วยนะคะ Hyaluronic Acid บางประเภท ดีไซน์มาให้ฉีดชั้นตื้นๆได้หมายถึงชั้นผิวด้านบนได้โดยที่ไม่เป็นลำไม่เป็นก้อน และก็สามารถอยู่ได้นานใกล้เคียงกับฟิลเลอร์ที่ช่วยเติมเต็ม เพราะฉะนั้นจะช่วยในสามเรื่อง คือ
- Hydration หมายถึงอุ้มน้ำใต้ผิวได้ดี
- Increase Elasticity คือ กระตุ้นแล้วส่งผลให้มีการเกิดการผลิตเส้นใยอีลาสติน แล้วก็คอลลาเจนที่มากขึ้น
- Smoothness ช่วยทำให้ปรับผิวเนียน รูขุมขนกระชับขึ้น
คุณสมบัติเด่นของ Filler ที่ทำให้ได้รับความนิยม
- ช่วยชะลอความเสื่อมของผิวได้มากขึ้น เติมเต็มริ้วรอยและร่องลึก พร้อมให้ผิวอ่อนเยาว์ที่ดูเป็นธรรมชาติ
- ช่วยกระตุ้นคอลลาเจนบนชั้นผิวแท้ จึงทำให้การสร้างคอลลาเจนตามธรรมชาติของร่างกายมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น
- ทำให้ผิวอุ้มน้ำได้ดีกว่าเดิม จึงสร้างความชุ่มชื้นและเกิดความสมดุลที่ดี ผิวจึงสวยเรียบเนียนและรูขุมขนกระชับ ขึ้นอย่างรวดเร็ว
- ให้ผลลัพธ์ที่เร็วมากและเมื่อฉีดแล้วทิ้งระยะเวลาไปเพียงแค่ไม่กี่ชั่วโมงจะเห็นผลได้ชัดเจน
- สามารถฉีดเพื่อปรับรูปหน้าได้ทุกที่อย่างปลอดภัย ถ้ามีจุดใดที่คุณรู้สึกไม่พึงพอใจ สามารถเติมได้อย่างไร้ปัญหา หรือรอเวลาให้ฟิลเลอร์สลายไปแล้วกลับมาฉีดใหม่อีกครั้งก็ทำได้อย่างไม่น่ากังวล
- เมื่อฉีดฟิลเลอร์แล้วสามารถใช้ชีวิตได้ตามปกติ ไม่มีอาการบวมช้ำและไม่จำเป็นต้องพักฟื้นแต่อย่างใด
ฟิลเลอร์ เหมาะกับใครบ้าง
1. Beautification
สั้นๆ ก็คือสวยอยู่แล้วสวยได้อีกนะคะหมายถึงเพิ่มฟิลเลอร์เพื่อช่วยปรับให้เปลี่ยนแปลงเล็กน้อยของบริเวณใบหน้าให้ดูดีขึ้น เชื่อมั่นในตนเองมากขึ้นนั่นเองค่ะ แบบคนก็บางครั้งก็อาจจะแบบเอ๊ะๆ สวยขึ้นแต่ว่าคิดไม่ออกว่าไปทำอะไรมาแบบนี้นะคะ
2. Tranformation
อันนี้เป็นแนวสวยแปลงโลกนะคะหมายถึงเพิ่มฟิลเลอร์เพื่อหน้าเปลี่ยนแปลงเป๊ะปัง งามแล้วโลกจะต้องทราบ ตัวอย่างเช่น จัดไปเลย หน้าผาก จมูก คาง แก้มส้ม เพื่อเพิ่ม highlighting ของบริเวณใบหน้า คือทำให้หน้าพุ่ง แล้ว ทำ shading area ให้ข้างๆ มองเล็กมองเรียวขึ้น ด้วย ฟิลเลอร์ขมับ เพื่อยกโหนก ลด แก้มตอบ ลดกรามด้วยโบทอกซ์ ฯลฯค่ะ
3. Correction
สำหรับเคสนี้เป็นการรีวิวยกตัวอย่างเช่น ใช้ฟิลเลอร์ ช่วยเรื่องรูปหน้า ให้มองเสมอกันเพิ่มมากขึ้น ปรับแนวกราม แนวคาง ให้ตรงขึ้น ฯลฯ ค่ะ
4. Positive aging
อันนี้มิได้เกี่ยวว่าจำเป็นต้องอายุ 70 ถึงมารักษานะคะ อันนี้ก็จะเป็นในเรื่องเกี่ยวกับการฟิลเลอร์เพื่อจะทำให้งามเหมาะสมกับช่วงวัย บริเวณใบหน้ามองยกกระชับ ดูอ่อนวัยรวมทั้งผ่องใสขึ้นค่ะ
เทคนิคการตรวจสอบว่า Filler แท้หรือปลอมทำได้อย่างไร
ถ้าคนเรารู้สึกสงสัยเรื่องของฟิลเลอร์ ที่ในปัจจุบันมีทั้งของจริงและของปลอมปะปนกันอยู่เป็นจำนวนมาก คุณสามารถใช้วิธีการสังเกตแบบง่าย ๆ ดังต่อไปนี้
- ราคาของฟิลเลอร์และบริการจากแพทย์ที่มีความชำนาญเฉพาะด้านจะค่อนข้างสูง ดังนั้นถ้าคุณเห็นคลินิกใดประกาศฉีดฟิลเลอร์ในราคาที่ถูกมากตั้งแต่หลักร้อยไปจนถึงหลักพันบาทให้ตีไว้ก่อนเลยว่านั่นคือของปลอม
- ถ้ามีการโฆษณาว่าฟิลเลอร์นั้น ๆ มีราคาถูกเพราะเป็นการหิ้วนำเข้าจากต่างประเทศ ก็สามารถตีได้เลยว่าเป็นของปลอมเช่นกัน เพราะฟิลเลอร์ของจริงจะต้องถูกนำเข้าจากบริษัทที่ได้รับอนุญาตแล้วเท่านั้น จะไม่สามารถหิ้วเข้าประเทศด้วยบุคคลทั่วไปได้
- ถ้าเทียบจากกล่องของแบรนด์ผู้ผลิตฟิลเลอร์ที่ได้รับอนุญาตถูกต้อง คุณสามารถสังเกตได้ด้วยวิธีง่าย ๆ เช่น ฟิลเลอร์ของแท้ยี่ห้อ Neuramis deep จะไม่มียาชาให้ แต่ถ้าเป็นของปลอมบางกล่องจะมียาชา Lidocaine แถมมาด้วยและมีการระบุหน้ากล่องไว้อย่างชัดเจน ซึ่งถ้าคุณเห็นกล่องใดมีการระบุด้านซ้ายของกล่องว่ามีแถมยาชา Lidocaine นั่นคือของปลอมแน่นอน
- สำหรับฟิลเลอร์แท้ข้างกล่องจะมีข้อมูลบนสติ๊กเกอร์เป็นภาษาไทย อ่านเข้าใจง่าย และมี QR Code ที่สามารถตรวจสอบความถูกต้องของการนำเข้าได้ แต่สำหรับของปลอมแล้วจะไม่มีสิ่งเหล่านี้
- เลือกคลินิกที่มีความน่าเชื่อถือ มีชื่อคลินิกชัดเจน มีสถานที่ตั้งมั่นคง พร้อมใบอนุญาตเปิดคลินิกและใบอนุญาตของแพทย์ที่จะต้องมีตั้งโชว์ไว้ที่หน้าคลินิกหรือส่วนใดส่วนหนึ่งของคลินิกที่เห็นได้ชัด
Filler Neuramis deep ฟิลเลอร์แท้จะไม่มียาชา Lidocaine
ด้านข้างจะเป็นแถบขาวไม่มีตัวหนังสือ
ด้านข้างจะมีสติ๊กเกอร์ภาษาไทย และ QR code สำหรับตรวจสอบข้อมูลฟิลเลอร์
ตำแหน่งของการฉีด Filler ที่ได้รับความนิยม
ตำแหน่งของการฉีดฟิลเลอร์ ที่ได้รับความนิยมจากผู้เข้าใช้บริการจำนวนมากจะมีดังต่อไปนี้
- หน้าผาก เหมาะสำหรับผู้ที่มีปัญหาเรื่องหน้าผากแบนหรือหน้าผากไม่สมดุลกับใบหน้าช่วงล่าง
- ขมับ เหมาะสำหรับผู้มีปัญหาเรื่องขมับตอบ จนทำให้ใบหน้าดูไม่ละมุน
- ถุงใต้ตา สำหรับผู้มีปัญหาถุงใต้ตาหย่อนคล้อย, ใต้ตาคล้ำ, กระดูกเบ้าตาบาง และเบ้าตาลึก
- ช่วงกลางแก้ม เหมาะสำหรับผู้ที่มีปัญหาเรื่องโหนกแก้มสูง
- ช่วงแก้มด้านข้าง เหมาะสำหรับผู้ที่มีปัญหาแก้มตอบ
- ช่วงร่องแก้ม เหมาะสำหรับผู้ที่มีปัญหาริ้วรอยร่องแก้ม เกิดปัญหาแก้มห้อยหรือหย่อนคล้อย
- ช่วงคาง เหมาะสำหรับผู้ที่มีปัญหาคางตัดหรือคางเล็กเกินไป จนทำให้ใบหน้าดูไม่เรียวสวย
- ช่วงริมฝีปาก เหมาะสำหรับผู้ที่มีปัญหาริมฝีปากไม่เข้ารูป จึงดูไม่สมดุลกับใบหน้า
- ช่วงคอ เหมาะสำหรับผู้ที่มีปัญหาเรื่องริ้วรอยหรือรอยพับที่คอ
- บริเวณเนินอก เหมาะสำหรับผู้ที่มีปัญหาเนินอกดูไม่อวบอิ่ม
- หลังมือ เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการให้ผิวหลังมือไร้ซึ่งริ้วรอยและรอยยับต่าง ๆ
จากรูปแสดงบริเวณที่ฉีดฟิลเลอร์ได้ และปริมาณของฟิลเลอร์ในแต่ละบริเวณ
ผลข้างเคียงที่อาจเกิดขึ้นเมื่อฉีด Filler
สำหรับผลข้างเคียงของการฉีดฟิลเลอร์นั้นอาจเกิดขึ้นได้ แต่จะขึ้นอยู่กับฝีมือของแพทย์และการใช้อุปกรณ์ รวมไปถึงตัวฟิลเลอร์ที่จะต้องเป็นของแท้เท่านั้น ถ้าเป็นแพทย์ที่มีความชำนาญ ผลข้างเคียงจะมีเพียงแค่รอยเข็มกับอาการบวมเล็กน้อย เกิดเป็นเพียงแค่จุดเล็ก ๆ ที่แทบมองไม่เห็น ใช้เวลาเพียงแค่ 2 วัน ปัญหาต่าง ๆ จะลดลงอย่างรวดเร็ว แต่ถ้าเป็นแพทย์ที่ไม่มีความชำนาญ เลือกใช้อุปกรณ์ในการฉีดฟิลเลอร์ที่ไม่ถูกต้อง หรือใช้ฟิลเลอร์ปลอม อาจจะก่อให้เกิดปัญหาทั้งการติดเชื้อที่จะลุกลามทำให้ผิวหน้าเสียหาย เกิดอาการปวดรุนแรง มีอาการบวมมากและแสบร้อนผิว เกิดปัญหาเส้นเลือดแดงภายใต้ผิวหนังแดงออกมาเด่นชัด พร้อมการขึ้นเป็นผื่นและบางคนอาจมีตุ่มหนองที่คล้ายกับหัวสิว สำหรับผู้ที่แพ้หนักอาจจะทำให้เกิดปัญหาเรื่องผิวไหม้จนกลายเป็นเนื้อตายได้อีกด้วย ดังนั้นจึงควรเลือกคลินิกที่มีคุณภาพและแพทย์ที่มีความชำนาญเฉพาะด้านในการฉีดฟิลเลอร์เท่านั้น
เตรียมตัวก่อนการฉีด Filler
การเตรียมตัวก่อนฉีดฟิลเลอร์ คือ การงดรับประทานยาที่อาจส่งผลทำให้เลือดออกจำนวนมากได้ เช่น ยาแก้อักเสบ, ยาแอสไพริน และยารักษาโรคบางชนิด ดังนั้นคุณควรปรึกษาแพทย์ที่ทำด้วยและบอกถึงข้อมูลเรื่องยาของคุณให้ชัดเจน นอกจากนี้ก็ควรงดทานวิตามิน ส่วนการใช้ชีวิตประจำวันนั้นสามารถทำได้ตามปกติ
วิธีดูแลตัวเองหลังการฉีด Filler
เมื่อคุณได้รับการฉีดฟิลเลอร์มาเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ให้คุณทำตามข้อแนะนำดังต่อไปนี้ เพื่อทำให้ ฟิลเลอร์ทำงานอย่างมีประสิทธิภาพและอยู่กับคุณได้ยาวนานมากขึ้น คือ
- หลังการฉีดฟิลเลอร์ 1-2 วัน หลีกเลี่ยงการออกกำลังกาย
- หลังการฉีดฟิลเลอร์ 2 วันแรก งดการดื่มแอลกอฮอล์และสูบบุหรี่
- หลังการฉีดฟิลเลอร์ 2 สัปดาห์ หลีกเลี่ยงการแช่สปาออนเซ็น, การอบซาวน่า, การทำเลเซอร์ผิว และการเข้าเครื่องดูแลผิวบางประเภท ดังนั้นถ้าคุณต้องการจะเสริมความงามใด ๆ ควรบอกทางคลินิกที่คุณทำด้วยอย่างชัดเจนว่าคุณฉีดฟิลเลอร์มาก่อน
- ดื่มน้ำ 8-12 แก้วต่อวันอย่างต่อเนื่อง 2 สัปดาห์
- ทำการประคบเย็นตรงจุดที่ฉีดได้ทันที จะช่วยลดอาการบวมมากขึ้น
ผู้ที่ควรหลีกเลี่ยงการฉีด Filler
แม้ว่าการฉีดฟิลเลอร์นั้นจะมีความปลอดภัย แต่ก็ใช่ว่าจะสามารถฉีดได้ทุกคน ซึ่งผู้ที่มีปัญหาดังต่อไปนี้ไม่ควรฉีดฟิลเลอร์เด็ดขาด คือ
- คุณแม่ที่กำลังตั้งครรภ์
- ผู้ที่มีปัญหาติดเชื้อง่าย หรือตรงจุดที่จะฉีดฟิลเลอร์เกิดเป็นแผลและมีอาการอักเสบ
- ผู้ที่มีปัญหาเรื่องโรคเบาหวานและความดัน ทั้งยังไม่สามารถจะควบคุมน้ำตาลให้อยู่ในระดับปกติได้
สำหรับผู้ที่สนใจฉีดฟิลเลอร์ คุณสามารถอ่านข้อมูลเบื้องต้นเหล่านี้ เพื่อนำไปช่วยพิจารณาและตัดสินใจทำฟิลเลอร์ในแบบที่คุณต้องการอย่างถูกต้อง ส่วนราคาของการฉีดฟิลเลอร์แท้นั้นจะเริ่มต้นที่ประมาณ 7,000 บาทขึ้นไปในบางแบรนด์ผู้ผลิต แต่ถ้าต้องการแบรนด์คุณภาพสูง 1 cc แรก จะราคาประมาณ 13,000-15,000 บาท และ cc ต่อไปราคาจะลดลง ดังนั้นคุณจึงสามารถขอคำปรึกษาจากแพทย์ที่มีความชำนาญด้านการฉีดฟิลเลอร์ก่อนทำจริงได้เลย
ฉีดฟิลเลอร์ แล้วตาบอดเพราะอะไร?
เจอได้น้อยมาก เกิดขึ้นได้เพราะมีสาเหตุเนื่องมาจากการที่ฟิลเลอร์ไปตันเส้นโลหิตแดงที่จอประสาทตาค่ะ ซึ่งจอประสาทตามีไว้สำหรับรับภาพ เมื่อไม่มีเลือดไปเลี้ยงก็เลยทำให้เซลล์ที่จอประสาทตาตายค่ะ เส้นเลือดเส้นนั้นชื่อ Central Retinal Artery นั่นเองค่ะ
การฉีดที่มีความเสี่ยงลำดับแรกๆมักจะเป็นบริเวณจมูก รวมทั้งหน้าผาก เพราะเหตุว่ามี เส้นเลือดแดงที่ใหญ่และก็มีการเชื่อมต่อกับเส้นเลือดบริเวณรอบดวงตา รวมทั้งที่สำคัญ คนไข้มักจะไม่เคยทราบคือ การฉีดไขมันกลับได้มาพบว่ามีการอุบัติการณ์การเกิดตาบอดมากกว่าฟิลเลอร์ค่ะ เนื่องจากแม้มันเป็นไขมันของเราเอง แต่ว่าถ้าหากไม่ใช่น้ำ ก็สามารถอุดตันหลอดเลือดได้ด้วยเหมือนกัน ที่เลวร้ายกว่า คือ ไม่มียาสลายไขมันที่เข้าไปอุดนะคะ ในขณะที่ฟิลเลอร์มียาสลายค่ะ
เครดิต https://www.ncbi.nlm.nih.gov/m/pubmed/24762584/
ลักษณะของการเกิดอาการ มักจะมองเห็นลดน้อยลงในทันทีทันใด ขณะที่มองเห็นต่ำลงในทันทีในตอนแรก มักจะไม่เจ็บ แต่ว่าจะปวดตาต่อจากนั้นค่ะ และก็มักจะเป็นด้านเดียว
การรักษา มีช่วงเวลาที่เป็น Golden Period อยู่โดยประมาณ 90 นาที คือถ้าเกิดอาการ สามารถทำให้การมองเห็นดีขึ้นได้ ถ้าหากเรารักษาได้ทันถ่วงทีภายใน 90 นาทีแรก แต่ว่าดังนี้ขึ้นกับความร้ายแรงของการอุดตันเส้นโลหิตด้วยเหมือนกันค่ะ
ฉีดฟิลเลอร์ ราคาเริ่มต้นเท่าไหร่ , มีแบบไหนบ้าง
สำหรับฟิลเลอรที่ The Clover ราคาเริ่มต้นที่ 7,999 บาท
Restylane 1 cc 13,000 บาท ถ้าหากต้องใช้หลาย cc ราคาจะถูกลงเรื่อยๆค่ะ
Juvederm Ultra Ultraplus 1 cc 13,000 บาท ถ้าหากต้องใช้หลาย cc ราคาจะถูกลงไปเรื่อยๆ เช่นกันค่ะ
Juvederm Vycross ได้แก่ volift vobella voluma ราคาอยู่ที่ 1 cc 15,000 บาท ใช้หลาย cc หรือหาคนมาหาร ได้ราคาถูกลง ลดลง cc ละ 2-3 พันเลยค่ะ ที่สำคัญ แกะกล่องเอากลับบ้าน ไปได้เลยค่ะ ของเราใช้จริงและใช้เยอะมากค่ะ
คุณหมอเจี๊ยบร่วมงานขอบคุณลูกค้าบริษัท Allergan ที่มียอดซื้อฟิลเลอร์ โบทอกซ์อันดับต้นๆของประเทศ
ฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา เลือกใช้ผลิตภัณฑ์ฟิลเลอร์อันไหนดี
จริงๆ ทุกๆ แบรนด์ก็จะดีไซน์รุ่นที่เหมาะสมกับใต้ตาอยู่แล้วนะคะ แต่ว่าอย่างที่บอกไปข้างต้นคือขึ้นอยู่กับผิวใต้ตาด้วยว่าชั้นผิวเป็นยังไง มีการ หายไปของชั้นไขมัน บริเวณใด มีถุงใต้ตาเป็นแบบไหนก็จะใช้ฟิลเลอร์ไม่เหมือนกันออกไปค่ะ
1.เรสไทเรน
ฟิลเลอร์แบรนด์เรสไทเรนรุ่นที่เหมาะสมกับการฉีดใต้ตา ก็คือ รุ่นที่ ลักษณะ gel texture ค่อนข้างจะ soft จำนวน HA เหมาะสมไม่มากจนถึงเกินความจำเป็นจนอุ้มน้ำใต้ผิวมาก อาจจะส่งผลให้ใต้ตาบวมหลังฉีดได้ ไม่ได้เน้นย้ำตัวที่มี lifting capacity มากสักเท่าไรนักเพราะเหตุว่าถ้าหากตัวที่G’ หรือ ตัวที่มี elasticity คือความยืดหยุ่นสูงเนื้อเจลมักจะแข็งกว่า ซึ่งบริเวณใต้ตา เป็นผิวที่บางอาจจะส่งผลให้เห็นฟิลเลอร์เป็นเงาtyndall หรือเป็นก้อนได้ง่ายสามารถประสานกับเนื้อผิวได้ดี (tissue integration) มีความหนืดที่เหมาะสมไม่ทำให้เป็นก้อน สามารถเกลี่ยได้ง่าย(cohesivity ไม่สูงมากมาย) รุ่นที่เหมาะสมก็ยกตัวอย่างเช่น restylane vital light ,Restylane vital, Restylane refyne, Restylane lidocaine
ส่วนเราจะเลือกรุ่นไหนนั้น นอกจากขึ้นอยู่ชนิดฟิลเลอร์ ยังขึ้นอยู่กับ ผิวของคนไข้เองด้วยดังที่กล่าวไปแล้วค่ะ
2.จูวีเดิร์ม
ฟิลเลอร์ รุ่นที่เหมาะสมกับบริเวณใต้ตา ก็เหมือนกันกับ เรสไทเรน คือควรจะมีความหนืดรวมทั้งความยืดหยุ่นที่เหมาะสม ไม่มากจนเกินความจำเป็น รุ่นที่เหมาะสมก็ยกตัวอย่างเช่น volite, vobella , volift ซึ่งถ้าหากเป็น volift จำเป็นต้องดูผิวเดิมของคนไข้ด้วยนะคะ ว่าเหมาะสมหรือเปล่า ถ้าเกิดเป็น hyacross รุ่นที่ใช้ได้จะเป็น juverm ultra แต่ว่าก็ต้องดูตามผิวด้วยเหมือนกัน เพราะว่ากลุ่ม hyacross อุ้มน้ำค่อนข้างจะเยอะ บางทีอาจจะรู้สึกบวมนิดหน่อย ในสองสามวันแรกได้ค่ะ
3.นิวรามิส
สำหรับรุ่นที่ผ่าน อย. ในประเทศไทยมีแต่ว่ารุ่น deep ค่ะ ซึ่งค่อนข้างจะแข็งเกินความจำเป็นสำหรับในการฉีดใต้ตาค่ะ
ฉีดฟิลเลอร์ใต้ตาช่วยลดใต้ตาลึก ฟิลเลอร์ใต้ตาช่วยเรื่องร่องน้ำตา
เนื่องจากว่ามีร่องน้ำตา ทำให้ใต้ตาลึกโหล ดูทรุดโทรม ดูไม่แจ่มใส ผู้คนจำนวนไม่ใช้น้อยด้วยโครงสร้างของบริเวณใบหน้า ไม่ว่าจะเป็นกระดูก หรือ เอ็นยึดผิวอะไรต่างๆส่งผลให้เกิดร่องน้ำตาเห็นตั้งแต่อายุยังน้อย
ตัวอย่าง คนที่อายุยังน้อย ก็เกิดร่องใต้ตาก่อนวัย
แต่ว่าผู้คนจำนวนมาก ตั้งแต่อายุ 25 ขี้นไป ผิวพวกเราก็เสียคอลลาเจนลงเรื่อยนะคะ กล่าวได้ว่าสร้างน้อยกว่าทำลาย นอกจากชั้นผิวที่บางลงแล้ว ยังมีเรื่องมีราวของไขมันใต้ตา อีกทั้งชั้นลึกรวมทั้งชั้นตื้นที่ลดน้อยถอยลง มีผลทำให้ลึกกว่าเดิมไปอีก นอกจากที่กล่าวมานี้เส้นเอ็นยึดผิวหย่อนยานลง นอกเหนือจากที่จะลึกแล้วยังคล้อยด้วย ลึกลงไปในชั้นกระดูกก็มีการยุบลงอีก กล่าวได้ว่าเป็นทุกชั้น ด้วยเหตุดังกล่าวการเติมฟิลเลอร์เข้าไป นอกเหนือจากในเรื่องที่เกี่ยวข้องกับการช่วยเพิ่มให้เต็มแล้ว ยังช่วย reverse aging process คือ หมายความว่าแก้ที่ต้นสายปลายเหตุ ตั้งแต่ช่วยเพิ่มแทนไขมันชั้นลึก ชั้นตื้น ยกกระชับเส้นเอ็นยึดผิว ทำให้ผิวบนเต็มขึ้น ก็เลยเป็นการปรับปรุงแก้ไขที่ถูกจุดค่ะ
รูปภาพแสดงไขมันในชั้นลึกตื้นของใบหน้า เมื่อเกิด aging procress
คำถามเกี่ยวกับ ฟิลเลอร์ ที่พบบ่อย
ถาม : เราควรฉีดฟิลเลอร์แบบไหนดี?
ตอบ : Hyaluronic Acid เท่านั้นที่เป็นฟิลเลอร์ที่ต้องฉีด โดยแต่ละแบรนด์ก็จะมีรุ่นอื่นๆที่ แตกต่างกัน
ถาม : ฉีดฟิลเลอร์ เจ็บไหม?
ตอบ : ฟิลเลอร์นั้นคือการฉีด ดังนั้นก็จะมีความรู้สึกอยู่บ้าง แต่ก็จะมีการใช้ยาชาทาเฉาพให้ และในบางตัวยาที่ฉีดก็อาจจะมียาชาที่ผสมลงไปด้วย
ถาม : เราควรฉีดฟิลเลอร์แบบไหนดี?
ตอบ : Hyaluronic Acid เท่านั้นที่เป็นฟิลเลอร์ที่ต้องฉีด โดยแต่ละแบรนด์ก็จะมีรุ่นอื่นๆที่ แตกต่างกัน