Table of Contents
Thermage คืออะไร
Thermage คือ เทคโนโลยี คลื่นความถี่วิทยุความถี่สูง (Monopolar RF) จากประเทศอเมริกา โดยได้รับการรับรองจากประเทศอเมริกา และ ทั่วโลกเลยนะคะ ว่าช่วยเรื่องของการกระตุ้นการสร้างคอลลาเจน และ Skin Tightening คือทำให้ผิวแน่นนั่นเองค่ะ
กลไกการทำงานของมัน อย่างที่หมอเคยพูดถึง ในบทความ เรื่อง Thermage CPT ( อธิบายละเอียด คลิกอ่านเพิ่มเติมได้เลยค่ะ) คือทำให้เกิด Deep Heating ที่ชั้นผิวของเราโดยเฉพาะในชั้นหนังแท้ และ ชั้นไขมัน เมื่อเกิดความร้อน ที่เหมาะสมจะทำให้เกิดการสร้างคอลลาเจน จากที่ผิวหลวมผิวหย่อนเพราะคอลลาเจนที่หายไป ซึ่งเป็นตามวัยที่คอลลาเจนจะค่อยๆลดลงไปเรื่อยๆ และสร้างน้อยลงไปทุกๆวัน ?? (กินคอลลาเจนก็ไม่ช่วยทำให้คอลลาเจนใต้ผิวเยอะขึ้นมากเท่าไหร่เลยนะคะ เพราะเวลาเรากินเข้าไปร่างกายเรา เอาไปย่อยกลายเป็นกรดอะมิโนแอซิดเล็กๆ แล้วดูดซึมกลับเข้าไปในร่างกาย มันไม่ได้กลายไปเป็นคอลลาเจนโดยตรงค่ะ อีกอย่างคอลลาเจนในผิวของเรายังแยกย่อยไปอีก คอลลาเจนผิวหนัง คือ คอลลาเจนชนิดที่ 4 ซึ่งกว่าอะมิโนแอซิด เหล่านั้นจะมารวมตัวกัน เราไม่ทราบได้เลยว่าจะกลับมากลายเป็นคอลลาเจนชนิดนี้เท่าไหร่นะคะ เพราะฉะนั้นช่วยได้น้อยมากค่ะ )
การทำให้เกิด Deep Heat เมื่อมีปริมาณความร้อนใต้ผิวที่เหมาะสม จึงทำให้เกิดการสร้างคอลลาเจนขึ้นมาใหม่ บริเวณใต้ผิวหนัง ซึ่งมีวิจัยรับรองและมีการตัดชิ้นเนื้อมาตรวจเพื่อย้อมสีเปรียบเทียบคลอลาเจนภายในผิวนะคะ และนอกจากนี้เทอร์มาจมีความลึกถึงชั้นไขมันดังนั้นจึงสามารถทำให้เกิดการสลายไขมันได้ด้วยค่ะ และเหมือนที่เคยพูดไปนะคะว่าถ้าเครื่องไหนไม่ว่าจะ ultra-therma, mini-thermage อะไรต่างๆ ถ้าร้อนไม่เพียงพอและไม่ลึกพอก็ไม่สามารถกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนได้ค่ะ
ทำไมเทอร์มาจถึงเป็นสุดยอดทรีทเมนท์ยกกระชับ
เพราะเทอร์มาจเป็นเครื่อง Monopolar RF ที่เป็น Original Brand คือ เป็นแบรนด์แรกของโลกและผลิตจากประเทศอเมริกา มีการค้นคว้าวิจัยมาอย่างยาวนาน เป็นที่ยอมรับทั่วโลกว่าเห็นผลได้จริง จึงทำให้เป็นที่นิยมโดยเฉพาะอย่างยิ่ง คนไข้ที่มีปัญหาหน้าหย่อนคล้อย ผิวหลวมแต่ไม่อยากศัลยกรรมดึงหน้าค่ะ
Thermage FLX
Thermage ช่วยเรื่องอะไรได้บ้าง
ลดแก้มและเหนียง ช่วยในเรื่องการยกกระชับใบหน้าที่หย่อนคล้อย และช่วยให้กรอบหน้าชัดมากยิ่งขึ้น ช่วยยกหางตา และคิ้ว ยกหนังตาที่ตก ช่วยกระตุ้นคอลลาเจนที่ผิวหน้า และที่สำคัญสามารถทำบริเวณลำตัวได้ด้วย เช่น ยกกระชับหน้าท้องที่ผิวคล้อย กระชับช่วงแขนและลำตัว ความร้อนจากเทอร์มาจช่วยลดเซลลูไลท์ที่สะสม
Thermage FLX แตกต่างจาก Thermage CPT อย่างไร
อันนี้หมอมีบทความอันนึงที่พูดเรื่องนี้โดยตรงเลยคืออันนี้นะคะ สรุปคร่าวๆ เลยคือลงลึกเท่ากันในแง่การเห็นผลเรื่องประสิทธิภาพไม่ได้แตกต่างกัน เพราะลงในชั้นผิวความลึกเท่ากัน คือ 4.3 mm มี cooling system เหมือนกัน แต่ทำเร็วกว่า เจ็บน้อยกว่า ( แล้วแต่บุคคล บางคนบอกไม่ต่างกันเพราะ CPT ก็ไม่ได้เจ็บมากจนทนไม่ได้ ) ที่เหนือกว่าจริงๆ คือ มีระบบ Accurep แจ้งเตือนอุณหภูมิใต้ผิวป้องกันเรื่องของการ Burn ราคา FLX สูงกว่า CPT สำหรับใครที่อยากทำรุ่นไหน หมอบอกได้เลยว่าตามสะดวกเลยค่ะ เพราะที่คลินิกเรามีทั้งสองรุ่นให้เลือกค่ะ ?? เอาจริง ถ้าพูดถึงอยากจะเชียร์ เพราะเพิ่งลงทุนซื้อเครื่องใหม่ ราคาหนักหน่วงอยู่?? ก็คงจะเชียร์ FLX นะคะ แต่จากใจคิดว่าถ้าเรื่องประสิทธิภาพความลึกที่ได้ไม่แตกต่างกัน เพราะฉะนั้นบอกได้เลยว่า ถ้ากลัวเจ็บ กังวลBurn อยากลองเครื่องรุ่นใหม่ และทำได้รวดเร็ว ก็ FLX ค่ะ ถ้าเน้นแนวคลาสสิค เห็นผลเหมือนกัน ราคาถูกกว่าก็ CPT ค่ะ ดังนั้นเรียนเชิญตามสะดวกได้เลยค่ะ ???
รูปแสดงความแตกต่างของThermage รุ่น CPT และ รุ่น FLX
Thermage แตกต่างจาก อัลเทอร่าอย่างไร
หมอมีวิดีโอให้ดูกันค่ะ ข้อแตกต่างระหว่าง Thermage Ulthera
Thermage แผ่พลังงาน ลงมาเป็นก้อนตามขนาดของหัว ตามรูปนะคะ
ภาพการปล่อยพลังงานของหัวทิปเทอร์มาจ
ภาพการปล่อยพลังงานของเครื่องเทอร์มาจ
เพราะฉะนั้น พลังงานจะสูงมาก ในชั้นผิวชั้นหนังแท้และชั้นไขมัน ทำให้เกิดการกระตุ้นคอลลาเจน และทำให้ผิวแน่น โดยตัวของมันเองจะ ลึก 4.3 mm จะได้ชั้นบนๆ ของ SMAS บางส่วนได้ค่ะ
แต่อัลเทอร่าจะแผ่พลังงานออกมาเป็นจุดเล็กๆ เพราะมันคือ Focused Ultrasound พลังงานในผิวชั้นบนๆ เมื่อเทียบกับเทอร์มาจอาจจะไม่เท่า แต่มีข้อดีมาที่แตกต่างจากอันอื่นๆ คือ ลงลึกถึงชั้น 4.5 mm คือชั้น smas ซึ่งเป็นชั้นเยื่อหุ้มกล้ามเนื้อ เวลาที่ผ่าตัดดึงหน้า จะดึงและเย็บชั้นผิวชั้นนี้นะคะ อัลเทอร่า ก็เหมือนเป็นเครื่องเย็บผิวชั้นนี้ เมื่อเกิดการหดตัวของ smas ก็ทำให้ใบหน้ายกกระชับ ไม่หย่อนคล้อยเก็บขอบหน้าได้ชัดเจนค่ะ
สรุป ในเรื่องของผลที่ได้ คือ เทอร์มาจช่วยเรื่องผิวห้อย ผิวหลวม ผิวหย่อน แบบขาดคอลลาเจนและอีลาสติน ดีขึ้นคือทำให้เกิด skin tightening คือผิวแน่นนั่นเอง และยังช่วยลดไขมันได้ดีอีกด้วย
ส่วนอัลเทอร่า จะทำให้เกิด skin lifting คือ ผิวยก จากการที่ยกกระชับใบหน้าจาก smas ที่หดตัวค่ะ
เทอร์มาจหรืออัลเทอร่าดี
จริงๆ อยากให้ดู วิดีโออันนี้ค่ะ
สรุปคือ เวลาที่เราอายุเยอะขึ้น ผิวเราเสื่อมลงทุกชั้นค่ะ คือถ้าเป็นไปได้จริงๆ ทำ 2 เครื่องดีที่สุด แต่ถ้าอยากจะทำเพียงเครื่องเดียว หรืออยากจะแก้ปัญหานี้ก่อน อาจจะเริ่มต้นจากเทอร์มาจหรืออัลเทอร่าก็ได้ขึ้นอยู่กับการประเมินร่วมกันของแพทย์และผู้ทำการรักษาค่ะ
เทอร์มาจแตกต่างจาก hifu อย่างไร
HIFU เป็นเทคโนโลยีเดียวกับอัลเทอร่า ซึ่งก็คือ High Intensity Focused Ultrasound ค่ะ ดังนั้น ความแตกต่างของเทอร์มาจกับ hifu ก็จะคล้ายๆ กับอัลเทอร่า แต่ HIFU ก็จะด้อยกว่าอัลเทอร่า ในแง่ของพลังงานที่ต่ำกว่าอัลเทอร่า ทำให้ต้องทำหลายครั้งต่อปี ถึงทำหลายครั้งต่อปีประสิทธิภาพก็ไม่เท่า และไม่มีหน้าจอ Real Time ที่บอกว่าลงลึกไปที่ชั้นผิวไหนแล้ว สุดท้ายตอนนี้เครื่องในท้องตลาดมีหลากหลายมาก ทั้งของราคาถูกจากเมืองจีนที่ไม่ต้องพูดเรื่องประสิทธิภาพ แค่เรื่องความปลอดภัยก็น่ากลัวแล้ว ไปจนถึงเครื่อง HIFU ที่มีราคาค่อนข้างสูง ทั้งราคาเครื่องและราคาshot ดังนั้นประสิทธิถาพของเครื่องจะแตกต่างกันมากค่ะ
สำหรับ HIFU ลองดูวิดีโอนี้เลยค่ะ
ใบหน้าแบบไหนควรทำเทอร์มาจ
ใบหน้าที่มีไขมันสะสมที่หย่อนคล้อย หรือที่เรียกว่ามีไขมันแก้ม ไขมันเหนียง ผิวไม่กระชับ แก้มย้วย แก้มเยอะ แก้มห้อยคล้อย มีแก้มแล้วขอบหน้าไม่ชัด นอกจากทำบริเวณใบหน้าแล้ว ยังสามารถทไบริเวณลำตัวได้ด้วย เช่น หน้าท้อง สะโพก ต้นแขนต้นขา ให้ผิวบริเวณเกิดการกระชับมากยิ่งขึ้น
วิธีการปฏิบัติตัว ก่อนและหลังทำเทอร์มาจ
ก่อนทำเทอร์มาจ
1. ศึกษาหาข้อมูล ของการทำว่าเป็นอย่างไร เราเหมาะสมที่จะทำหรือไม่ ความคาดหวังของเราเป็นอย่างไร อย่างเช่น ริ้วรอยตีนกา ไม่สามารถทำให้หายได้ด้วยเทอร์มาจ สิ่งที่เป็นตัวช่วยอันดับ1 ที่เห็นผลมากสุด จะเป็น bo.tox เป็นต้นค่ะ สิ่งต่างๆ เหล่านี้จะทำให้เราเห็นภาพชัดเจนขึ้นว่า จริงๆเราควรทำอะไร เรามีลิมิต เช่น สมมุติกลัวเข็มไม่อยากฉีด ดังนั้นผิวที่ดีขึ้นจากการทำเครื่อง จะดีขึ้นแตกต่างจากการฉีดอย่างไรบ้างค่ะ
2. ผิวแห้งแพ้ง่ายหรือผิวแพ้ยาชาทา ต้องแจ้งให้แพทย์ทราบ เพราะจะมีการทายาชาก่อนทำการรักษาค่ะ
3. คนไข้ที่ตั้งครรภ์ หรือใส่ Pacemaker ไม่สามารถทำเทอร์มาจได้ค่ะ
4. ผิวที่เพิ่งออกแดดมากๆมาใหม่ๆ มีอาการ suntan หรือ sunburn มาก็ยังไม่ควรทำเทอร์มาจค่ะ
5. คำนวณเวลาการใช้หน้าให้ดี เพราะการเห็นผลของเทอร์มาจจะเห็นหลังทำ 20% และจะดีขึ้นเรื่อยๆ มากสุดในช่วงสองเดือน เพราะฉะนั้นถ้าคนไข้มีออกงาน ควรมาทำก่อนสักสองเดือนจะดีที่สุดค่ะ
หลังทำเทอร์มาจ
1. ทาครีมบำรุงผิว มอยเจอไรเซอร์ได้ตามปกติ
2. งดครีมที่ทำให้เกิดการระคายเคือง เช่น AHA กรดวิตามินเอ ครีมทาสิว ครีมไวท์เทนนิ่งต่างๆ อย่างน้อย 3-5 วันค่ะ เพราะหลังทำผิวจะแห้งลงการทาครีมที่ทำให้ผิวแห้งขึ้นอาจจะทำให้เกิดการระคายเคืองได้ง่ายค่ะ
ใครที่ห้ามทำเทอร์มาจ
1. ตั้งครรภ์
2. คนไข้ที่มี pace maker หรือใช้เครื่องกระตุ้นหัวใจค่ะ
เทอร์มาจ เครื่องแท้และหัวแท้ ดูอย่างไร
เครื่องแท้ จะมีหน้าตาเป็นแบบนี้ค่ะ
Thermage CPT
เครื่องเทอร์มาจ รุ่น CPT
รูปแสดงหน้าจอ Thermage CPT
รูปแสดงหน้าจอ Thermage CPT แสดงค่าพลังงานต่างๆ
หัว Tip CPT
รูปหัว Total Tip Thermage CPT
คือ ณ ปัจจุบัน มีหัวทิปปลอม จากเมืองจีนนะคะ ซึ่งสำคัญมากที่คนไข้จะต้องทราบว่ามันมี ?? เพราะ การที่ใช้หัวทิปปลอมถึงแม้ว่าจะเป็นเครื่องจริง ก็อาจจะทำให้เกิดผลข้างเคียง เช่น การไหม้ผิว หรือประสิทธิภาพในการทำลดลงหรือไม่เห็นผลได้ค่ะ
รูปหัวTipเลียนแบบ ที่ขายตามอินเตอร์เน็ต รูปหัวTipแท้ จากบริษัท Thermage
Thermage FLX
หัว Tip FLX
ระยะเวลาในการเห็นผล อยู่ได้นานแค่ไหน
ทำเพียงปีละ 1 ครั้ง
หลังทำทันทีเห็นผลทันที20% และ ดีขึ้นเรื่อยๆในสองเดือน
โปรโมชั่นเทอร์มาจ
ทำเทอร์มาจที่ไหนดี เลือกอย่างไร
1. เลือกแพทย์ที่มีประสบการณ์ ในการทำเทอร์มาจ
2. เลือกคลินิกที่มีเคสทำเทอร์มาจจำนวนมาก
3. เลือกที่มีรีวิว คนไข้ คนดัง และเซเลบริตี้มาทำ เพราะอย่างน้อย เราสามารถเห็นความเปลี่ยนแปลงในขณะที่ทำ และหลังทำได้ จะให้ดีควรมีรีวิวที่เป็นลักษณะวิดีโอ เพื่อให้เห็นภาพในขณะทำได้ชัดเจน
4. เลือกคลินิก ที่แพทย์ก็ทำการรักษาตนเองด้วยเทอร์มาจ ?? เพราะ อะไรที่ดีแพทย์ที่ทำการรักษาควรจะต้องลองก่อนเพื่อให้รู้ว่า ความรู้สึกขณะทำเป็นอย่างไร ตรงไหนเจ็บมากเจ็บน้อย ควรจะบรรเทาความรู้สึกให้น้อยลงได้อย่างไร หลังทำเห็นผล แบบไหน เมื่อไหร่ เป็นอย่างไร จะสามารถอธิบายคนไข้ได้ชัดเจนที่สุดค่ะ
รีวิวเทอร์มาจ