Table of Contents
Thermage เทอร์มาจ คืออะไร
Thermage คือ เครื่องที่ปล่อยคลื่นความถี่วิทยุความถี่สูง (monopolar RF) เป็นเครื่องออริจินัลนำเข้าจากประเทศอเมริกา ผ่านการรับรองจากทั้ง อย.อเมริกา และ อย.ไทย เรื่องทำให้ผิวแน่นและสร้างคอลลาเจนใหม่ โดยมีการค้นคว้าและวิจัยมากมาย
เทอร์มาจ ช่วยอะไร
สามชั้นหลักๆของผิวหนัง แบ่งเป็น
- ชั้นหนังกำพร้า – Epidermis
- ชั้นหนังแท้- Dermis
- ชั้นไขมันใต้ผิวหนัง- Subcutaneous
รูปชั้นผิวหนังแต่ละชั้น
คอลลาเจนที่ทำให้ผิวเราเต่งตึงอยู่ในชั้นหนังแท้ และ subcutaneous สานกันเปนร่างแห นึกถึงตะกร้าสานกันแน่นๆนะคะ ในช่วงวัยรุ่น ถึงอายุ 25 การสร้างกับการทำลายคอลลาเจนที่เสื่อมสภาพ สมดุลกัน ผิวเราจึงไม่มีปัญหาเรื่องผิวหย่อน ริ้วรอย ผิวห้อย แต่ตั้งแต่อายุ 25 เป็นต้นไป การสร้างคอลลาเจนลดลงเรื่อยๆ (chronological aging) นอกเหนือจากนี้ แสงแดดและมลภาวะ ก็มีผลทำให้แก่ก่อนวัย (photoaging) ด้วยเช่นกัน ตาข่ายร่างแหคอลลาเจน ก็น้อยและบางลง สิ่งที่เกิดขึ้นคือ ผิวก็หย่อน หน้าย้วย จับแล้วยวบ ไม่ตึง ไม่เด้งอีกต่อไป
เทอร์มาจไปช่วยจัดการ ภาวะด้านบนที่ต้นเหตุ
โดยทำให้เกิดความร้อนที่ผิวชั้นลึก ที่ลึกพอและมากพอ (Deep-heating ) เครื่องความถี่วิทยุหลายๆยี่ห้อ (RF) อาจจะสร้างเลียนแบบแต่สิ่งที่สำคัญคือ การส่งความร้อนที่ผิว ส่งความร้อนได้ไม่ลึกพอ และร้อนไม่เพียงพอ ก็จะไม่เห็นผล แต่ Thermage มีงานค้นคว้า วิจัยมาแล้วมากมาย
สามารถพิสูจน์ได้ว่าลึก และร้อนเพียงพอต่อการ ทำให้เส้นใยคอลลาเจนและอีลาสตินที่หย่อนคล้อยหดตัว และทำให้เกิดการสร้างคอลลาเจนใหม่อย่างต่อเนื่องยาวนานผิวจึง ตึงกระชับ อันนี้จึงเป็นข้อแตกต่างระหว่างเทอร์มาจและ RF ทั่วๆไปค่ะ นอกจากนี้ แผ่พลังงานความร้อนลึกลงไปถึงขั้นไขมันทำให้ ลดแก้ม เหนียง หรือไขมันที่ลำตัว
รูปพลังงานที่ลงชั้นผิวจากเครื่อง Thermage
Thermage เหมาะกับใครและทำส่วนใดได้บ้าง
Thermage ทำได้ผิวหน้าและผิวตัว เนื่องจาก ความร้อน สามารถ แผ่กระจายได้ลึก ถึงชั้นไขมันด้วยจึง เป็นตัวช่วยในเรื่อง ลด เซลลูไลต์และสลายไขมัน รวมไปถึง ทำให้ผิวเปลือกส้มดีขึ้นได้ด้วย
Thermage face and eyes
- คนไข้ที่อยากยกกระชับผิว มีปัญหา ผิวหย่อน ผิวจับแล้วยวบ ผิวหลวมไม่กระชับ มีส่วนที่คล้อยลงตามแนวกราม ยังไม่อยากผ่าตัดดึงหน้า หรือผ่าแล้วยังไม่พอใจในผลลัพธ์ หรืออยากจะยืนระยะการผ่าตัดครั้งถัดไป ไม่ต้องการทำหัตถการที่ต้องมีการพักฟื้น ต้องการใช่ชีวิตประจำวันได้ตามปกติ
- คนไข้ที่มีไขมันบริเวณใบหน้าและ เหนียงเยอะ
- คนไข้ที่มีปัญหาเรื่องผิวรอบดวงตา ซึ่งเทอร์มาจ เป็นนวัตกรรม เดียวที่สามารถ ทำที่ผิวบริเวณเปลือกตาได้ จึงช่วยเรื่อง การสร้างคอลลาเจน บริเวณรอบดวงตาได้ดี และ ช่วยยกคิ้ว ยกหางตา
- คนไข้ที่มีปัญหา เรื่องริ้วรอย แต่ยังไม่อยากใช้วิธีการฉีด
- คนไข้ที่ต้องการบำรุงผิวในระยะยาว เพราะเทอร์มาจ สามารถ กระตุ้นการสร้างคอลลาเจนที่ผิวชั้นลึกได้อย่างแท้จริง และมีประสิทธิภาพดีกว่าการทาครีม หรือการกินคอลลาเจน โดยมีผลการวิจัยรับรองมายาวนาน
Thermage Body
- เหมาะกับคนที่ผิวหย่อนคล้อย มีไขมันส่วนเกินเฉพาะจุด หรือ ผิวหย่อนแตกลาย จาก หลังคลอดบุตรหรือจากน้ำหนักตัวที่เปลี่ยนแปลงไป
- สามารถทำได้ส่วนของร่างกายเพื่อทำให้ผิวกระชับ ลดผิวเปลือกส้ม และกำจัดไขมัน
- คนไข้ที่มีปัญหา หลังดูดไขมันแล้วผิวห้อยคล้อย หรือเป็นคลื่น สามารถทำเทอร์มาจเพื่อช่วยกระชับและลดคลื่นหลังดูดไขมันได้
ใครไม่ควรทำเทอร์มาจ เทอร์มาจ ไม่เหมาะกับใคร
- สตรีมีครรภ์
- คนไข้ที่ใส่เครื่องกระตุ้นไฟฟ้าหัวใจ
เทอร์มาจ มีกี่รุ่น เทอร์มาจแต่ละรุ่นแตกต่างกันอย่างไร เทอร์มาจ CPT และ FLX แตกต่างกันอย่างไร
เทอร์มาจ จนถึงเวลานี้ มีมา 20 กว่าปีแล้วนะคะ มั่นใจได้ถึงความปลอดภัยและประสิทธิภาพค่ะ ตอนนี้อัพเดตปี 2019 เป็นรุ่นล่าสุดคือ THERMAGE FLX แล้วค่ะ
ซึ่งที่แตกต่าง และทางบริษัทผู้ผลิตพยายาม พัฒนามาตลอดคือ
- ทำให้ประสิทธิภาพมากขึ้น พลังงานมากขึ้น ความถี่สูงขึ้น
- ทำให้ลงได้ลึกมากขึ้น
- ทำให้ความเจ็บของเทอร์มาจให้น้อยลงเรื่อยๆค่ะ
Thermage FLX รุ่นล่าสุด สิ่งที่แตกต่างจาก CPT คือ
- F Faster คือ หัวทิปรุ่นใหม่ 4.0 ( หัวสีม่วง) สามารถ ทำได้เร็วกว่าหัวสีส้ม ถึง 25% เนื่องจากหัวที่มีขนาดใหญ่กว่า คือ 4 ตรซม เมื่อเทียบกับของ CPT คือ 3 ตร ซม
- L algorithm คือด้วยเทคโนโลยีเฉพาะที่มีแต่ Flx คือ accurep technology ที่สามารถ ปรับพลังงานที่เหมาะสมกับผิวและป้องกันปัญหาผิวไหม้จากการทำเทอร์มาจ
- X experience ด้วยระบบ advanced comfort pulse technology ที่มีทั้งการ ปล่อยความเย็น precooling และ post cooling อีกทั้งระบบสั่น แบบหลายทิศทาง ทำให้ เจ็บน้อยลงกว่าเทคโนโลยีรุ่นก่อนๆ
สิ่งที่มีเหมือนกัน
- ความลึกของพลังงานเท่ากัน และระดับพลังงานเท่ากัน
- จำนวนตารางเซนที่ทำทั้งหมด เท่ากัน เพราะ หัว flx มี 900 ชอต 4 ตารางซม ในขณะที่ cpt มี 1200 ชอต
- ตารางซม. รวมเป็น 3600 ตารางเซนติเมตร เท่ากัน
ซึ่งที่ the clover clinic มีเครื่องทั้งสองรุ่นนะคะ สามารถตัดสินใจทำแล้วแต่ความเหมาะสมและความต้องการของคนไข้ได้เลยค่ะ
Thermage เจ็บหรือไม่
อย่างที่บอกไปในหัวข้อที่แล้ว ว่าเค้าพัฒนาแล้วเจ็บน้อยกว่าเดิมเยอะมากกกกก จริงอยู่ที่รุ่นก่อนๆ จะค่อนข้างเจ็บเยอะ แต่ทางบริษัทผู้ผลิตพยายามค้นคว้าและวิจัยให้ดียิ่งๆขึ้นเรื่อยๆ เรื่องความร้อนยังคงต้องมี สำหรับเทอร์มาจ ตามไกด์ไลน์ที่ควรจะเป็น จะเป็น Warm But Tolerate ค่ะ คือร้อนแต่ทนได้ ส่วนคนไข้แต่ละคนจะทนได้มากน้อยแค่ไหน ขึ้นอยู่กับสภาพผิวของคนไข้เป็นหลักค่ะ ถ้าจากประสบการณ์ที่ทำให้คนไข้ก็ทำได้ทุกคน ไม่มีใครขอหยุดกลางคัน ดังนั้น กล่าวโดยสรุปคือ อุ่นแบบทนได้ ค่ะ
ขั้นตอนและระยะเวลาในการทำเทอร์มาจ นานไหม?
- Thermage CPT 1200 shots จะใช้เวลารวมทายาชาประมาณ 2 ชม.ค่ะ
- Thermage FLX 900 shots จะใช้เวลารวมทายาชา ประมาณ 1.30 ชม.ค่ะ
ส่วนขั้นตอนในการทำ แน่นอนต้องปรึกษาแพทย์ก่อนนะคะ ว่าใบหน้าของเราควรทำเทอร์มาจหรืออัลเทอร่า ควรเลือกคลินิก ที่มีเครื่องทั้งสองแบบเพื่อไม่ให้เกิดการ Bias จากการที่มีเครื่องแค่เครื่องเดียวนะคะ
ตอนทำใช้เวลาค่อนข้างนาน ดังนั้น จะบอกพนักงานให้ถามคนไข้เผื่อเข้าห้องน้ำก่อนเลยค่ะ
หลังจากทำดูแลตามปกติ ทามอยเจอร์ไรเซอร์และกันแดดตามปกติหลีกเลี่ยงครีมที่ทำให้หน้าแห้ง เพราะจะยิ่งแห้งจากการทายาชาอยู่แล้ว เช่น ครีมกลุ่มผลัดเซลล์ผิว ครีมผิวขาว ครีมทาฝ้า เป็นต้นค่ะ
เทอร์มาจผลลัพธ์อยู่ได้นานแค่ไหน เห็นผลเมื่อไหร่ เทอร์มาจทำกี่ครั้งต่อปี
เทอร์มาจ ทำเพียงปีละ 1 ครั้งเท่านั้น ผลลัพธ์อยู่ได้นาน 1 ปี จึงเป็นหัตถการที่ไม่ต้องอาศัยเวลามาทำบ่อยๆ และได้ผล จึงเหมาะกับคนที่ต้องการบำรุงผิวแต่ไม่มีเวลามากค่ะ โดยหลังทำจะเห็นผลทันที ประมาณ 20% และดีขึ้นอีก ใน 1-6 เดือน จากคอลลาเจนที่เพิ่มมากขึ้นค่ะ
ผลข้างเคียงที่อาจเกิดขึ้นได้ ของการทำเทอร์มาจ
- แดง เกิดจากความร้อนที่ผิว และสภาพผิวของแต่ละคน สามารถหายได้ ในไม่ถึง ชม. ถึงไม่กี่ ชม. หลังทำ ค่ะ
- ผิวไหม้ สำหรับเครื่องรุ่น FLX จะมีระบบที่เรียกว่า Accurep Technology ซึ่งจะมีเซ็นเซอร์จับค่าความร้อนที่ผิวบนถ้ามากจนเกินไปค่ะ ก็จะช่วยลดปัญหาอาการ Burn ผิวได้ค่ะ ถือว่าเป็นเทคโนโลยีที่ช่วยเรื่องความปลอดภัยที่มีใส่ในรุ่นนี้เท่านั้นค่ะ ส่วน CPT ยังไม่มีเทคโนโลยีนี้นะคะ ก็ต้องอาศัย ประสบการณ์ของแพทย์ และการประเมินของแพทย์และคนไข้ร่วมกันค่ะ เพราะความร้อนของเทอร์มาจ ควรเป็น Warm But Tolerated ค่ะ เพราะฉะนั้นไม่ต้องอดทนนะคะ ถ้าเราได้พลังงานระดับ 2.5 แต่เพื่อนได้ 3.5 เพราะผิวของคนเราไม่เหมือนกัน ความทนของผิวไม่เท่ากันค่ะ และเทอร์มาจรวมไปถึงอัลเทอร่า เราจึงไม่บล็อคยาชาฉีด หรือ ดมยาสลบ กันนะคะ เพราะความรู้สึกของเราจะเป็นสิ่งที่ปกป้องผิวของเราไม่ให้เกิดการ Burn ค่ะ
- บวม พบได้บ้าง สามารถหายไปได้เองใน 0.5 -ไม่กี่ชม ไม่ต้องพักหน้า ไม่ต้องหยุดกิจวัตรประจำวัน เพราะไม่มากและหายไปภายในหลังทำค่ะ
เทอมาจเห็นผลเมื่อไหร่ เทอร์มาจ เห็นผลอย่างไร
- เห็นผลทันที 20-30 % หลังทำ ยกกระชับเห็นทันที ผิวจะแน่นขึ้น เนื่องจากคอลลาเจนหดตัว 1-6 เดือน หลังจากนั้นสภาพผิวจะดีขึ้นเรื่อยๆ เนื่องจากเกิดการสร้างคอลลาเจนใหม่
- ได้ผลเต็มที่ 6 เดือน หลังจากการรักษา
- อยู่ได้นาน 1-2 ปี ตามสภาพผิว และการชีวิตประจำวัน
ควรทำต่อเนื่องปีละครั้งจะช่วยทำให้เกิดการสร้างคอลลาเจนใหม่มากขึ้นเรื่อยๆ จึงเป็นการชะลอวัยในระยะยาว ซึ่งเป็นข้อดีที่แตกต่างจากการโบ หรือ ร้อยไหม เพราะไม่ได้ผิวที่แท้จริง ไม่ได้การสร้างคอลลาเจนในระยะยาว
วีดีโอ ตอบทุกข้อสงสัย ทำอย่างไรจึงจะอ่อนกว่าวัย
เทอร์มาจแท้ดูอย่างไร
หมอมีรูปของเครื่อง CPT และ เครื่อง FLX ให้ดูค่ะ ถ้าไปที่ไหนแล้วบอกเทอร์มาจแต่ไม่ใช่หน้าตาแบบนี้แสดงว่า ไม่ใช่เทอร์มาจแล้วค่ะ
รูปเครื่องเทอร์มาจ CPT รูปเครื่องเทอร์มาจ FLX รุ่นล่าสุด
ส่วนสำหรับหัวทิป ณ ปัจจุบันก็จะน่าตกใจอยู่มากๆ เพราะมีหัวทิปสีส้มปลอมจากเมืองจีนด้วยนะคะ เพราะฉะนั้น หมอมีวิธีสังเกต หัวทิปแท้มาให้ดูนะคะ
เทอร์มาจ 2-5 พัน มินิเทอมาจ อัลตร้าเทอมาจ เทอร์มาจแมกซ์ คือเทอร์มาจหรือไม่
ถ้าราคาแบบนี้หมอบอกเลยไม่ต้องนำสืบ ไม่ใช่เครื่องเทอร์มาจจริงแน่นอนค่ะ เทอร์มาจก็คือเทอร์มาจ ไม่มี Prefix Suffix ค่ะ
รูปตัวเครื่องเทอร์มาจปลอม
รูปหัวเทอร์มาจปลอม
พนักงานแนะนำบอกว่าเทอร์มาจอยู่ได้ 3-5 ปีเลยจริงหรือไม่คะ
สำหรับหมอบอกเลยว่าไม่จริงค่ะ ไม่ใช่แค่เทอร์มาจ หัตถการอะไรก็ตามที่ไม่ใช่การผ่าตัด ไม่ว่าจะเป็นเทอร์มาจ อัลเทอร่า ร้อยไหม ไหม 5 ปีไม่มีนะคะ ฟิลเลอร์ ล้วนแล้วแต่ไม่ถึง 3-5 ปี ทั้งสิ้นค่ะอายุมากขึ้น อายุผิวมากขึ้นเป็นธรรมดาค่ะ ทำต่อเนื่องผิวดีขึ้นกว่าไม่ทำอย่างแน่นอน และเทียบกับคนที่ไม่ได้ทำอะไรเลยจะเห็นผลชัดมากค่ะ หลายคนชอบถามว่ามีทรีทเมนต์อะไรที่ทำทีเดียวอยู่นาน 3ปี 5ปี มั้ย
คำตอบของหมออาจจะทำร้ายจิตใจแต่บอกว่าไม่มีค่ะ อายุ 35 ไป 40 40 ไป 45 อะไรๆก็ต้องเปลี่ยนแปลงอยู่แล้วค่ะ แต่อยากจะให้นึกถึงว่าเรากำลังเล่นชักเย่อกับอายุอยู่ ขนาดรถเราซื้อยังต้องไปเชคระยะเปลี่ยนน้ำมันเครื่องเปลี่ยนอะไหล่ เราก็เช่นเดียวกันคะ ก็ต้องดูแลตัวเองและสุขภาพยิ่งกว่ารถ ทำปีละครั้งก็นึกว่ามาเชคระยะความสวยประจำปีคะ เสียเงินเชคระยะ ประกัน พรบ รวมๆกัน ยังแพงกว่าค่าเทอมาจ 1 ปีอีกจริงมั้ยคะ
เราควรทำเทอร์มาจกี่ชอตดี
ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับปัญหาและสภาพผิวของคนไข้ด้วยค่ะ เช่นคนไข้บางคนอาจจะต้องการลดแก้มมาก อายุอาจจะยังไม่ถึง 35 แต่อาจจะต้องใช้Shotมากหน่อยค่ะ