Table of Contents
Thermage
สำหรับเครื่องเทอร์มาจ เป็นการให้พลังงามความร้อนเข้าไปสู่ชั้นเนื่อเยื่อใต้ผิวหนัง จากพลังงานคลื่นความถี่วิทยุ โดยสามารถให้ความร้อนลงไปลึกได้ถึง 4.2 mm ซึ่งพลังงานความร้อนที่แผ่กระจายลงไป จะไปทำการกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนในชั้นใต้ผิวหนัง ทำให้ไขมันใต้ผิวหนังลดลง ผลที่ได้จะทำให้ผิวบริเวณที่ได้รับพลังงานนั้นมีความกระชับมากขึ้น ปริมาณไขมันที่ลดลงจะช่วยบริเวณแก้มที่เริ่มหย่อนคล้อย ย้อยลงมา ให้แลดูกระชับมากขึ้น หรือจำง่ายๆ ถ้าใบหน้าดูหย่อนคล้อง แก้มย้วยๆย้อยๆ ก็เหมาะกับการทำเทอร์มาจ เพราะจะได้ทั้งผลการยกกระชับใบหน้า และ ช่วยให้ชั้นไขมันลดลง ทำให้หน้าดูเรียวกระชับไม่ห้อยย้อย
Ulthera
ในส่วนเครื่องอัลเทอร่า เป็นการส่งผ่านพลังความความร้อนลงไปสู่ชั้นเนื้อเยื่อใต้ผิวหนัง และลงลึกถึงชั้น SMAS ที่เป็นเนื้อเยื่อหลักที่ช่วยพยุงโครงสร้างใบหน้าให้แลดูกระชับอ่อนเยาว์ ซึ่งพลังงานที่เกิดจากอัลเทอร่านั้น มาจากคลื่นเสียงความถี่สูง จะยิงพลังงานแรงสูง เป็นจุดเล็กๆหลายๆจุดเรียงต่อกันไป โดยพลังงานของเครื่องอัลเทอร่านั้นจะสามารถเลือกให้ลงลึกได้ 3 ระดับคือ 4.5 mm, 3.0 mm และ 1.5 mm ซึ่งแพทย์ที่ทำการรักษาจะปรับให้เข้ากับหน้าคนไข้ตามปัญหาที่พบ
การที่อัลเทอร่าสามารถลงลึกได้ถึงชั้น SMAS นั้น จะทำให้การยกกระชับโครงสร้างใบหน้าได้ผลดีมาก และ มีผลต่อไขมันใต้ผิวหนัง ไม่มากเท่าพลังงานจากเครื่อง RF ที่พลังงานจะกระจายอยู่ที่ชั้นไขมันมากกว่า
รูปหน้าของคนเราแบ่งออกได้ดังนี้
ใบหน้ารูปไข่ Oval
สำหรับใบหน้ารูปไข่ นั้นสามารถเลือกการยกกระชับได้ทั้ง Thermage หรือ Ulthera เพราะความสมดุลของใบหน้าที่ได้รูปอยู่แล้ว จึงไม่ค่อยมีปัญหาในการเลือกทำการรักษายกกระชับทั้ง 2 แบบ แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น ขึ้นกับปัญหาของใบหน้าในแต่ละบุคคลว่าเป็นเรื่องของไขมันสะสมที่หย่อนคล้อย หรือ โครงสร้างชั้น SMAS ที่เริ่มมีความแข็งแรงลดลง ทำให้โครงสร้างใบหน้าดูอ่อนแรง
ใบหน้ารูปเหลี่ยม
สำหรับใบหน้าที่ค่อนข้างออกไปทางสี่เหลี่ยมนั้น การยกกระชับปรับรูปหน้าให้ดูอ่อนเยาว์สมส่วนมากขึ้น อาจต้องใช้องค์ประกอบหลายอย่าง นอกเหนือจากการยกกระชับด้วย Thermage และ Ulthera เช่น อาจต้องดูเรื่องของกล้ามเนื้อกรามที่ทำให้ใบหน้าดูเหลี่ยมสันชัดเจนจนเกินไป อาจต้องทำการรักษาด้วย Botulinum Toxin คู่กันไปด้วย
♥ ส่วนจะเลือก Thermage หรือ Ulthera นั้น หลักการง่ายๆ ถ้าคุณเป็นคนที่มีแก้ม มีไขมันเยอะ ให้ไปหา Thermage ถ้าคุณเป็นคนที่โครงกระดูกเด่นชัด แต่แก้มน้อย ไม่ค่อยมีไขมันก็ไปหา Ulthera
ใบหน้ารูปทรงกลม
สำหรับใบหน้าทรงกลมนั้นมักจะมีปริมาณไขมันที่แก้มค่อนข้างเยอะ การยกกระชับที่จะทำให้ใบหน้าดูเรียวขึ้น ลดไขมันที่แก้มได้ดี การรักษาด้วย Thermage อาจให้ผลลัพท์แตกต่างได้มากกว่า และนอกจากนั้นถ้าคุณเป็นคนที่คางสั้นอาจพิจารณาการเติม Filler เพื่อให้รูปหน้าโดยรวมดูยาวมากขึ้นได้อีกด้วย
♥ สำหรับไขมันบริเวณเหนียง การทำเทอร์มาจจะได้ผลมากกว่า เพราะเทอร์มาจพลังงานจะอยู่ที่ชั้นไขมันมาก จึงมีผลทำให้ไขมันเหนียงลดลงค่ะ
ใบหน้ารูปสามเหลี่ยม หรือ รูปหัวใจ
ใบหน้า V Shape ตามสมัยนิยม โดยธรรมชาติแบบนี้ถือว่าคุณเป็นคนที่โชคดี แต่คนที่มีใบหน้าลักษณะนี้ก่อนจะเข้ารับการรักษาใดๆ อาจต้องพึงระวังเรื่องการทำให้ใบหน้าครึ่งล่างดูตอบและเล็กลงกว่าเดิม เพราะอาจทำให้รู้สึกว่าหน้าดูแปลกๆ ไม่สมส่วนได้
♥ สำหรับใบหน้าแบบนี้ เราจะแนะนำให้ไปทำ Ulthera มากกว่า เพราะเราไม่ต้องการให้แก้มเล็กลงไปกว่าเดิม แต่ต้องการให้มีการยกกระชับของโครงสร้างใบหน้าโดยรวมมากกว่า
ใบหน้ายาว
หน้ายาวก็เป็นอีกทรงที่ตัดสินใจไม่ยาก จริงๆแล้วคนหน้ายาวสามารถทำการรักษาได้ทั้ง 2 แบบ แต่ถ้าจะให้เหมาะสม อาจเลือกเป็นการทำ Ulthera ก่อนเพราะคนหน้ายาวจะแลดูผอมอยู่แล้ว ถ้าไปทำการรักษาที่ทำให้ไขมันที่แก้มลดลงไปเยอะ อาจทำให้หน้าดูยิ่งยาวและผอมลง ซึ่งถ้าผอมมากก็อาจทำให้ดูหน้าซูบไม่สดใสก็ได้
ทั้งนี้ทั้งนั้นก่อนจะเลือกว่าเราจะไปหา Thermage หรือ Ulthera หรือทำทั้งคู่ เรามาทำความเข้าใจกับโครงสร้างใบหน้าอย่างคร่าวๆกันก่อน
- กระดูก
- SMAS ชั้นเนื้อเยื่อที่ทำหน้าที่พยุงโครงสร้างใบหน้า
- กล้ามเนื้อใบหน้า
- ไขมันใต้ผิวหนัง
- ผิวหน้า
ใบหน้าของคนเรา มีจุดเด่นจุดด้อยในแต่ละคนไม่เหมือนกัน ดังนั้นการเลือกว่าจะเข้ารับการรักษาด้วยวิธีใดนั้น ดีที่สุดคือต้องปรึกษากับแพทย์ที่จะทำการรักษา เพื่อที่จะได้รับการรักษาที่ตรงกับปัญหาของใบหน้าของคนไข้ได้ดีที่สุด เพราะนอกจากการทำเครื่องยกกระชับแล้ว ยังมีวิธีการเติมเต็มโครงสร้างใบหน้าด้วย Filler การลดริ้วรอยที่เกิดจากกล้ามเนื้อด้วย Botulinum Toxin การปรึกษาและให้แพทย์ตรวจจะเป็นการดูแลที่ถูกที่สุดค่ะ