อีกอย่างเราก็อยากสวยหน้าสด สวยไร้แอปใช่มั้ยคะ วันนี้หมอมีนวัตกรรมตัวใหม่ เป็นตัวช่วยให้หน้าเด้ง ส่งตรงมาจากอเมริกา เพิ่งเปิดตัวทั่วโลกเมื่อปีที่แล้ว และยาเพิ่งส่งมาเมืองไทยเมื่อวาน(18มิย62) หมอเขียนคอนเทนท์คืนนี้เดี๋ยวนี้เลย (19 มิย 62 ขณะนี้ 00.30 น. เพราะเห่อของใหม่ค่ะ55555 ) ทางคลินิกเราได้รับเกียรติเป็นคลินิกเบอร์ต้นๆของประเทศ ในการนำมาใช้ในประเทศไทยก่อนใคร เรียกได้ว่า #หน้าเด้ง2019 ที่แท้ทรู เพราะมันใหม่มากๆ และฮิตมากๆค่ะในต่างประเทศ เลยต้องรีบทำ live ก่อนใครมาให้ดูกันค่ะ
Table of Contents
#ทำไมถึงต้องทำ Volite – Hydration ผิวนุ่มชุมชื้น Hyaluronic Depletion
ตั้งแต่อายุ 25 ขึ้นไป ผิวจะมีอัตราการสูญเสีย Hyaluronic Acid (HA) ที่เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ Hyaluronic Acid สามารถอุ้มน้ำได้มากกว่าน้ำหนักตัวของมันถึง 1000 เท่า เมื่อเราสูญเสีย HA ก็เลยทำให้เป็นสาเหตุของผิวโรยผิวโทรม ทาแป้งก็ไม่ติดหน้า แถมยังดูหมองลง เพราะเกิดการแห้งขาดน้ำในเซลล์ผิวค่ะ
รูปภาพผลการตรวจสภาพผิวของคุณหมอเจี๊ยบ ด้วยเครื่อง Visia หลังทำ Volite 1 สัปดาห์ ผิวเด็กลง 10 ปี
Skin Elasticity เพิ่มความเด้งให้ผิว
ทั้งตัวยา Volite และเทคนิคการฉีด ทำให้เกิดการสร้างคอลลาเจนใต้ผิวอย่างได้ผลค่ะ โดยมีการตัดชิ้นเนื้อก่อนและหลังฉีดและย้อมดู ทั้ง Collagen และ Fibrillin ซึ่งเป็นตัวบ่งชี้เรื่องของความยืดหยุ่นของผิวก่อนและหลังฉีดพบว่าทั้งคอลลาเจนและไฟบริลินเพิ่มขึ้นหลังทำค่ะ เรียกได้ว่าสวยแบบมีการศึกษาวิจัยรองรับเลยค่ะ
รูปภาพ Collagen และ Fibrillin จากการตัดชิ้นเนื้อหลังฉีดและย้อมดู มีการเพิ่มขึ้นหลังทำ
Skin Smoothness ผิวเนียน รูขุมขนกระชับ
เพราะ HA เป็นส่วนหนึ่งของผิวชั้นหนัง การที่ไปเพิ่ม HA ในผิวทำให้ เพิ่มชั้นผิวให้แน่นขึ้น ลดปัญหารูขุมขนกว้าง หลุมสิว หรือ รอยตื้นๆ ที่ผิวหน้าได้ค่ะ
กราฟแสดงข้อมูล การตอบสนองและเห็นผลของผิว สูงสุดใน 1 เดือน (ข้อมูลโดย บริษัท Allergan)
ริ้วรอยตื้นๆ ที่ไม่สามารถฉีดโบทอกซ์ได้ เพราะจะทำให้การขยับปากหรือยิ้มไม่ธรรมชาติ
สามารถฉีดด้วย Volite ได้ เห็นผลชัดเจนและเป็นธรรมชาติมาก
Volite แตกต่างจาก HA (hyaluronic acid) ในท้องตลาดอย่างไร
หมอขอเปรียบเทียบว่ามันคือ Hybrid ค่ะเพราะตอนนี้ HA ในประเทศไทยมีสองแบบ คือ
1. แบบ Noncrosslink HA
ภาษาชาวบ้านเรียกว่า Hyaluronic acid แบบเหลวเป็นน้ำ คือ ไว้เพิ่มความชุ่มชื้น ทำให้ผิวเนียน ดีทุกอย่างยกเว้นอยู่สั้นถึงสั้นมากค่ะ เพราะมันสามารถย่อยสลายได้ง่ายมาก หมอต้องแนะนำให้คนไข้มาฉีดบ่อยๆ เดือนละครั้งเป็นอย่างน้อยค่ะ
รูปภาพตัวอย่าง Non – Crosslink HA เช่น Filorga MHA10
2. แบบ Crosslink HA คือ
ในขั้นตอนการผลิต ทำให้มันมีสายมาเกาะเกี่ยวกันจะอยู่ได้นานค่ะ แต่ก่อนเค้ามีเอาไว้เพื่อเติม volume เช่น ร่องแก้มไม่เต็ม ใต้ตาลึก เติมคางเติมขมับ
รูปภาพตัวอย่าง Crosslink HA เช่น Voluma, Vobella, Volite
Volite ต่างตรงที่ เป็น Crosslinkแต่ไว้เป็น skin booster
คือเน้นเพิ่มความชุ่มชื้น เพิ่มคอลลาเจน ทำให้ผิวเด้ง ผิวโกลว์ ไม่ได้เน้นเติมให้เต็ม แต่มีข้อดีมากๆตรงที่มันเป็น แบบ Crosslink เพราะฉะนั้นมันเลยอยู่ได้นานถึง 9 เดือน ในการทำเพียง 1 ครั้งค่ะ และมีข้อดีมากๆอีกข้อคือมันมีคุณสมบัติที่มีความแข็งของเจลต่ำ เมื่อเทียบกับกลุ่มฟิลเลอร์และมีความหนืดต่ำ เลยทำให้มันเนียนเรียบเกลี่ยง่ายกว่ากลุ่มฟิลเลอร์เยอะค่ะ
กราฟแสดงข้อมูล หลังทำ คนไข้พอใจสูงสุดใน 1 เดือนและต่อเนื่องยาวนานถึง 9 เดือน (ข้อมูลโดย บริษัท Allergan)
จากกราฟ ผิวชุ่มชื้นเพิ่มขึ้นจนถึงเดือนที่ 4 และต่อเนื่องถึงเดือนที่ 9
โดยเดือนที่ 9 ก็ยังมีความชุ่มชื้นดีกว่าก่อนทำมาก (ข้อมูลโดย บริษัท Allergan)
สรุปแล้ว เหมาะกับใคร หมอว่าเหมาะกับทุกคนที่อยากดูแลผิวค่ะ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง คนที่มีปัญหา ผิวแห้ง ผิวขาดน้ำ ผิวไม่ชุ่มชื้น มีริ้วรอยตื้นๆ มีปัญหาทาแป้งไม่ติดหน้า ผิวบาง ผิวติดสาร เรียกได้ว่าเหมาะกับทุกคนที่อยากให้ผิวเด้งผิวโกลว์ค่ะ